Baked Potatoes – อบมันฝรั่งให้ดูน่ากินเหมือนมันฝรั่งทอด

เฟรนฟรายด์ช่างเป็นอาหารที่แสนอร่อย แต่ข้อเสียก็คือมันเป็นของทอดอย่างหนึ่ง ที่ค่อนข้างจะทำลายสุขภาพ ถ้าหากกินบ่อยเกินไป

ดังนั้นในตอนนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการอบมันฝรั่งให้ได้รสชาติที่อร่อยไม่แพ้มันฝรั่งทอดเลย

ล้างมันฝรั่งให้สะอาด แล้วนำลงไปต้มในน้ำเดือด ที่ใส่น้ำส้มสายชูลงไปสัก 3-4 ช้อนโต๊ะ นาน 20 นาที ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยทำให้แป้งที่อยู่ในตัวมันฝรั่งเองฟอร์มตัวที่ผิวนอก เมื่อเวลานำไปอบจะได้ผลลัพธ์ที่กรอบนอกนุ่มใน ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ อย่าข้ามไปล่ะ

มันฝรั่งที่ต้มใหม่ๆ จะปลอกเปลือกง่าย ให้นำมาชุบน้ำที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้เย็นลงบ้าง ก่อนที่จะทำการปลอกเปลือก จากนั้นหั่นมันฝรั่งออกเป็นรูป Wedge ซึ่งที่จริงจะหั่นแบบอื่นก็ได้ แต่ผมว่ารูปนี้มันสวยดี ทำให้ยิ่งน่ากินขึ้น

นำมันฝรั่งที่ไร้เปลือกแล้วของเราไปคลุกกับน้ำมันมะกอกให้ทั่วๆ เหมือนกับจะเคลือบผิวสัมผัสทั้งหมดของชิ้นมันฝรั่งทุกชิ้น น้ำมันมะกอกที่เคลือบอยู่ที่ผิวนี่เองที่จะทำให้เมื่อนำไปอบต่อจะกรอบนอก ใกล้เคียงกับการเอาไปทอด จากนั้นโรยเกลือบางๆ ตามลงไป น้ำมันที่เกาะอยู่ที่ผิวจะช่วยทำให้เกลือติดอยู่กับตัวมันฝรั่ง

นำมันฝรั่งที่ได้ไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 225 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 20 นาที โดยในนาทีที่ 10 ให้เอาออกมากลับด้านสักครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกด้านสุกเท่าๆ กัน ที่นี้เตาอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คอยเฝ้าดูละกันว่ามันฝรั่งได้ที่แล้วหรือยัง ถ้าดูกรอบ หน้าตาน่ากิน เหมือนมันฝรั่งทอดแล้ว ก็สามารถเอาออกจากเตาก่อนเวลาก็ได้ หรือถ้าผ่านไป 20 นาทีแล้ว ยังไม่ได้ที่ ก็อาจจะอบต่อนานกว่านั้นก็ได้

จัดเรียงให้สวยงาม กินคู่กับ Ketchup หรือกินเปล่าๆ ก็ได้ ไม่ผิดกติกา

the End of the Pale Hour

ไม่ได้ดูหนังญี่ปุ่นมานาน จำได้ว่าช่วงหนึ่งเลิกดูไป เพราะรู้สึกว่าหนังญี่ปุ่นยุคนี้ชอบเดินเรื่องช้ามากๆ ในช่วงแรกๆ แล้วค่อยมาสนุก หรือหักมุมคนดูเอาตอนสิบนาทีสุดท้าย ซึ่งคนสูงอายุอย่างผม รอไม่ไหว บางทีก็หลับไปก่อน หลังๆ ก็เลย เลิกดูไป เพราะไม่อยากเข้าไปนั่งหลับ

วันก่อนรู้สึกอยากดูหนัง ก็เลยมีโอกาสได้กลับมาดูหนังญี่ปุ่นใหม่ ปรากฎว่าไม่ผิดหวังเลยจริงๆ เป็นหนังที่ดูง่าย สนุกตลอดเรื่อง ที่สำคัญผมดูแล้วค่อนข้างอินกับตัวละคร

the End of the Pale Hour เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน ทำให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก จะเรียกว่าเป็นแนว coming of age ก็ได้นะ แต่เป็นวัย first jobber

ไม่แปลกเลยที่ผมดูเรื่องนี้แล้วอิน เพราะผมชอบแนวนี้อยู่แล้ว แถมยังเป็นคนที่ชอบตั้งคำถามกับชีวิต ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ที่เหมือนกับจะทำตามๆ กันไปในสังคม มันเป็นสิ่งที่ถูกหรือเปล่า ที่ชอบมากๆ เลย คือมันเป็นเรื่องทำนองนี้แต่สำหรับคนรุ่นมิลเลนเนียน ผมจำได้ว่ายังไม่เคยดูหนังแนวนี้ที่บริบทเป็นคนรุ่นมิลเลนเนียมมาก่อนเลย เหมือนได้ดู Reality Bites เวอร์ชั่น 2000 ชอบมาก

มีหลายฉากในเรื่องนี้ที่ชอบ ถ้าจะเล่าก็จำเป็นต้องสปอยกันหน่อย อ่านถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครอยากดูเรื่องนี้ ก็ขอให้หยุดอ่านก่อน ดูจบแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ…

ชอบตอนที่หัวหน้าของพระเอกกำชับว่าเวลาประทับตราต้องเอียงนิดๆ ด้วย พระเอกถามด้วยความงงว่าทำไมมันสำคัญขนาดนั้นเหรอ ตอนหลังหัวหน้าเฉลยว่ามันคือการแสดงความอ่อนน้อมต่อท่านประธาน มันสะท้อนวิธีคิดของคนรุ่นเก่าที่หมกมุ่นกับเรื่องสัมมาคาราวะอยู่ตลอดเวลา และเป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่สิ่งที่สะท้อนวิธีคิดที่ต่างกันของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย

อีกฉากที่ชอบคือ ตอนที่พระเอกกับนางเอกเลิกกันไปแล้ว พระเอกกลับมาถามนางเอกว่า ถามจริงๆ นะจะตอบจริงๆ หรือว่าจะช่วยโกหกหน่อยก็ได้ เธอรู้สึกรักฉันบ้างมั้ย มันเป็นฉากที่ผมรู้สึกสะเทือนใจแทนพระเอกมาก หลังจากที่หนังทำให้เราเห็นชีวิตของเขาที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี คือต้องไปดูเอง ถึงจะเข้าใจ

ชอบมาก ให้ 9/10 ครับ

 

Waldorf Salad – สลัดผลไม้

จะกินผลไม้อย่างเดียวก็เบื่อ การทำสลัดผลไม้อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบทำสลัดวอลดอร์ฟ (Wardorf Salad) เพราะว่าเป็นคนชอบกินผลไม้ไม่กี่อย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือแอ๊ปเปิ้ล

ที่มาของสลัดวอลดอร์ฟ คือเป็นเมนูชื่อดังของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในอเมริกา สลัดชนิดนี้ก็เลยได้ชื่อของโรงแรมมาเป็นชื่อของมัน จริงๆ แล้วมันก็คือสลัดผลไม้นั่นแหละ ผลไม้สามอย่างที่ขาดไม่ได้ และทำให้จานนี้เป็นสลัดวอลดอร์ฟ ก็คือ แอ๊ปเปิ้ล องุ่น และคื่นช่ายฝรั่ง โรยด้วยถั่ววอลนัท ซึ่งเป็นถั่วที่ผมมีประจำบ้านอยู่แล้ว อาจเติมผลไม้อย่างอื่นเข้าไปอีกก็ได้ อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลย

น้ำสลัดวอลดอฟท์ใช้มายองเนสธรรมดา เติมมะนาวลงไปด้วย เพื่อให้เปรี้ยวขึ้น รสเปรี้ยวเป็นรสที่เข้ากันมากกับผลไม้ในจานนี้ เติมเกลือและพริกไทยตามชอบ แค่นี้เลย ทำง่ายมากๆ

สิ่งที่ผมชอบทำเสมอหลังเตรียมเสร็จก็คือเอามันไปแช่ตู้เย็นให้เย็นๆ ก่อน แล้วค่อยกิน มันจะยิ่งอร่อย

ส่วนผสม : แอ๊ปเปิ้ล, องุ่น, คื่นช่ายฝรั่ง, ถั่ววอลนัท, มายองเนส, น้ำมะนาว, เกลือ และพริกไทย สัดส่วนตามใจชอบ

Caesar’s Salad – สลัดซีซ่าร์ที่สมบูรณ์แบบ

ผมเพิ่งจะรู้เมื่อเร็วๆ นี้เองว่า ซีซาร์สลัด เป็นอาหารแม็กซิกัน และไม่มีอะไรเกี่ยวกับ จูเลียส ซีซ่าร์ ใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่คนที่คิดเมนูนี้ชื่อซีซาร์ และเป็นเมนูที่เกิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งนายซีซาร์ ไม่รู้จะทำอาหารอะไรดี ก็เลยเข้าครัวไปดูว่ามีอะไรเหลือบ้าง ก็เอามารวมๆ กัน แล้วก็กลายมาเป็นซีซาร์สลัดอย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้

สลัดซีซ่าร์ เป็นอะไรที่หากินง่าย ทั้งในร้านอาหารฝรั่ง หรือแม้แต่อาหารญี่ปุ่น เกาหลี ก็มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกร้านจะทำได้อร่อย ที่จริงแล้ว เมนูนี้ไม่ได้ทำยาก เราสามารถทำกินเองที่บ้านได้ ซึ่งจะทำให้เราสามารถทำให้มันเป็นสลัดซีซ่าร์ที่สมบูรณ์แบบได้ ดีกว่าหลายๆ ร้านที่แค่ใช้ชื่อนี้เฉยๆ แต่มันดูแย่มาก ไม่เหมือนสลัดซีซ่าร์ที่ผมอยากกิน

ผักกาดที่เหมาะจะใช้ทำสลัดซีซ่าร์มากที่สุดคือ Romaine Lettuce รองลงมาคือ Cos สิ่งที่สำคัญมากคือการล้างให้สะอาด และจบน้ำสุดท้ายด้วยน้ำใส่น้ำแข็ง ความเย็นจัดจะช่วยทำให้ผักกรอบ หลังจากนั้นต้องเอาไปปั่นด้วยเครื่องปั่นหน้าตาแบบข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพื่อกำจัดน้ำที่ติดอยู่ในตัวผักออกไปให้มากที่สุด อย่าลัดขั้นตอนนี้เป็นอันขาด เพราะน้ำที่ตกค้างอยู่ในตัวผักจะปนกับน้ำสลัด ทำให้น้ำสลัดไม่อร่อยได้

สำหรับขนมปังกรอบ (ครัวตองค์) สามารถใช้ขนมปังที่กินเหลือได้ เป็นการช่วยกำจัดของเหลือก่อนที่ขนมปังจะบูด ซีซ่าร์สลัดเลยเป็นเมนูที่น่าทำกินเป็นประจำสำหรับคนที่กินขนมปัง หั่นคือฉีกให้เป็นชิ้นเล็กๆ อาจทาเนยด้วยก็ได้ ก่อนนำไปอบให้กรอบ อย่าลืมเบคอนอบกรอบ และพาเมซานชีสโรยหน้า

สำหรับน้ำสลัด จะซื้อสำเร็จเอาก็ได้ เพื่อประหยัดเวลา แต่ถ้ามีความคึก จะทำเองก็ได้ ซีซ่าร์สลัดมีน้ำสลัดเป็นของตัวเอง ซึ่งไม่เหมาะกับน้ำสลัดทั่วไป เพราะมีส่วนผสมของปลาแอนโชวีและกระเทียมบดรวมกันจนละเอียด แถมใช้มะนาวกับน้ำส้มสายชูอย่างละครึ่งเพื่อให้เกิดรสเปรี้ยวที่มากกว่าน้ำสลัดทั่วไป และยังมีการบดพาเมซานชีสลงไปในน้ำสลัดอีกด้วย สำหรับตัวมายองเนสอาจใช้ไข่แดงดิบกับน้ำมันมะกอกผสมกันแทนก็ได้

เคล็ดลับอย่างหนึ่งที่ทำให้ซีซ่าร์สลัดดูน่ากินมากคือการเอาน้ำสลัดมาคลุกกับผักให้ทั่วก่อนที่จะโรยหน้าด้วยส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ดูน่ากินมาก และเป็นเอกลักษณ์ของเมนูนี้ที่ดูแตกต่างจากสลัดเมนูอื่นๆ เพียงแค่นี้คุณก็จะได้ซีซ่าร์สลัดที่สมบูรณ์แบบแล้วครับ

ส่วนผสม

  • ผัก Romaine Lettuce หรือ Cos
  • ขนมปังอะไรก็ได้
  • เบคอน
  • พาเมซานชีสป่น

ส่วนผสมของน้ำสลัด

  • ปลาแอนโชวี 1-2 ตัว
  • กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย
  • มายองเนส 1/2 ถ้วย
  • พาเมซานซีสป่น 1 ช้อนโต๊ะ

อาหารเช้าที่ผมกินเป็นประจำ

มื้อเช้าเป็นมื้อที่เหมาะจะทำกินเองมาก เพราะหากินข้างนอกยาก คนกรุงเทพส่วนใหญ่จะต้องรีบไปทำงานตอนเช้า ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมอาหารเช้าเอง ส่วนใหญ่ก็มักจะหาซื้อกินระหว่างทางไปทำงาน ซึ่งก็หนีไม่พ้นอาหารสำเร็จรูปในเซเว่น หรือบางทีก็เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งข้างทาง

เป็นเรื่องที่สงสัยกันมานานแล้วว่า อาหารเช้าของคนไทยจริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่ ถ้าถามต่างคน ก็จะได้รับคำตอบที่แตกต่างกันมาก แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะคิดถึง ข้าวต้ม โจ๊ก หรือไม่ก็เป็น ไข่ดาวหมูแฮม แต่ถ้าเป็นสมัยใหม่หน่อย ก็อาจจะเป็นกาแฟหนึ่งแก้ว กับขนมปังหรือครัวซองค์ หรือจะเป็นพวก corn flake ไปเลยก็มี

ส่วนตัวผมเตรียมอาหารเช้ากินเอง ซึ่งเน้นความง่าย และพยายามใช้วัตถุดิบที่สามารถเก็บได้นานในตู้เย็น จะได้ไม่ต้องคอยพะวงทุกวันว่าพรุ่งนี้เช้าจะกินอะไรดี ข้อดีอีกอย่างของการทำข้าวเช้ากินเอง ก็คือโอกาสที่ผมจะได้กิน superfood อย่างน้อยวันละครั้ง คือใส่พวกมันลงไปในมื้อเช้าก่อนเลย เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้กินของดีๆ แล้วทุกวัน

เพราะฉะนั้นอาหารเช้าที่จะมีเสมอเลยสำหรับผมก็คือนมหนึ่งแก้ว ใส่พวก superfood ต่างๆ ลงไปตามใจชอบ หลักๆ แล้วจะมี oatmeal ถั่ววอลนัท และเบอร์รี่แช่แข็ง เป็นตัวยืน สาเหตุที่เลือกกิน oatmeal ทุกวัน เพราะว่ามันมี gummy fiber มีสรรพคุณลดคอเรสเตอรอลในเลือดได้ เราสามารถกิน oatmeal ดิบได้ โดยที่ผมจะแช่มันทิ้งไว้ในนมแล้วเข้าตู้เย็นไว้ทั้งคืนก่อนหน้า ถั่ววอลนัทก็เป็นถั่วที่มีสารอาหารเยอะที่สุด เบอร์รี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีประโยชน์มากๆ

superfood อย่างอื่นที่ผมเลือกใส่บ้างไม่ใส่บ้าง เปลี่ยนสลับไปมาบ้าง เพื่อให้ไม่น่าเบื่อก็เช่น อัลมอนด์ เมล็ดเชีย เมล็ดแฟล็ก งาขาว น้ำผึ้ง กล้วย เป็นต้น

ถ้าวันนั้นผมไม่ได้ใช้พลังงานอะไรมาก แค่นมใส่ superfood หนึ่งแก้วก็เพียงพอแล้วสำหรับมื้อเช้า แต่ถ้าจะต้องไปออกกำลังกาย หรือออกไปนอกบ้าน อาจจะทำให้รู้สึกหิวก่อนเวลาอาหารเที่ยงก็ได้ ดังนั้นผมจะกินอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย อย่างเช่น ไข่ลวกกับขนมปังทาเนย (ผมชอบไข่ลวกที่อยู่ในน้ำเดือด 4 นาที เยาะแม๊กกี้และพริกไทยขาว) หรือไข่ดาวกับเบคอนไปเลยก็ได้ ผลไม้อย่างเช่น แอ็ปเปิ้ล กีวี่  แต่ส่วนใหญ่แล้วผมจะพยายามจำกัดแคลอรี่มื้อเช้า เพราะเรากินเอง เราควบคุมได้ ต่างจากมื้ออื่นๆ ที่อาจมีเหตุจำเป็นให้ต้องกินเยอะเกินไป

นครศรีธรรมราช , 2020
เซ็นทรัลเวิลด์